NEWS

จิตวิญญาณ คัมภีร์แห่งความเร้นลับ "พระสูตรที่ 1 กลวิธีเพ่งมอง" | Sabaidee Journey Quote EP 6

08 Mar 2021
คัมภีร์แห่งความเร้นลับ/ คัมภีร์ วิชญานไภรวตันตระ
( the book of the secrets )
ว่าด้วยการทำสมาธิ 112 วิธีของพระศิวะ

พระสูตรที่ 1 (กลวิธีเพ่งมอง )
“เพียงหยั่งมองไปในเวิ้งนภาสีครามเหนือหมู่เมฆจะบังเกิดความสงบรำงับ “
เรามีชีวิตอยู่บนเปลือกนอกของตัวเราเอง เฉพาะพื้นที่ชายขอบ หรือ สุดแดนเท่านั้น
อายตนะภายในนั้นตั้งอยู่ ณ จุดสุดแดนนี่แหละ ส่วนจิตสำนึกของเธอนั้นทอดลึกลงไปในบริเวณจุดศูนย์กลาง เรามีอายตนะภายในเหล่านี้เป็นเครื่องอาศัย ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องธรรมดา ทว่านั่นหาใช่การเบ่งบานในขั้นสูงสุดไม่ มันเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เมื่อเรามีอายตนะภายในเป็นเครื่องอาศัย เราย่อมจะสาละวนอยู่กับวัตถุสิ่งของเป็นเบื้องแรก เพราะอายตนะภายในจะทรงความสำคัญก็ต่อเมื่อไปยึดโยงอยู่กับวัตถุที่สร้างความพึงใจบางอย่าง

อายตนะต่างๆนั้นดำรงอยู่และสุดเขตแดนของชีวิต คือในร่างกาย ส่วนวัตถุนั้นนอกจากจะไม่ดำรงอยู่ ณ สุดเขตแดนแล้วยังอยู่เลยออกไปไกลโพ้น ฉะนั้น ก่อนเราจะก้าวสู่อุบายวิธีเหล่านี้ พึงทำความเข้าใจอยู่สามประเด็น

ประเด็นแรก จิตสำนึกนั้นสถิตอยู่ ณ จุดศูนย์กลาง
ประเด็นที่สอง อายตนะภายในตลอดสาย ซึ่งจิตสำนึกไหลเคลื่อนออกมานั้นดำรงอยู่ ณ จุดสุดแดนประเด็นที่สาม วัตถุต่างๆในโลกที่จิตสำนึกมุ่งตรงไปสัมผัสผ่านอายตนะภายในนั้น อยู่เลยจุดสุดแดนออกไปไกลลิบทีเดียว

ทั้งสามสิ่งนี้เพิ่งจดจำไว้ให้ขึ้นใจ จงพยายามทำความเข้าใจในสิ่งนี้ให้กระจ่างชัดเพราะเมื่อนั้นอุบายวิธีเหล่านี้ก็จะกลายเป็นเรื่องง่ายดังพลิกฝ่ามือ
อายตนะภายในนั้นดำรงอยู่ระหว่างกลางหรือจุดกึ่งกลาง ด้านหนึ่งนั้นคือจิตสำนึก ส่วนอรกด้านหนึ่งก็คือโลกของวัตถุ อายตนะภายในนั้นอยู่ตรงจุดกึ่งกลางระหว่างทั้งสองสิ่ง
จากอายตนะภายในนั้น เธอจะเคลื่อนไปทางไหนก็ได้ เธอจะเคลื่อนไปหาวัตถุหรือขยับเข้าหาจุดศูนย์กลางก็สุดแท้แต่เธอ ทั้งสองทางล้วนมีระยะห่างเท่าเทียมกัน จากอายตนะภายในนั้นประตูทั้งสองทางล้วนเปิดออก ไม่เคลื่อนตัวไปหาวัตถุก็มุ่งตรงไปที่จุดศูนย์กลาง

เธอนั้นดำรงอยู่ด้วยอายตนะภายในด้วยเหตุ นิพพานและโลกียภูมินั้นมีระยะทางเท่าเทียมกัน

ฉะนั้นจงอย่าได้คิดว่านิพพานนั้นอยู่ห่างไกลสุดเอื้อม ทั้งโลกียภูมิและนิพพาน ทั้งภพนี้และพบอื่นๆที่ตั้งอยู่นั้นล้วนมีระยะทางเสมอกันทั้งสิ้น
สำหรับนิพพาน เธอจะต้องมุ่งสู่ด้านใน ในส่วนของวัตถุนั้น เธอจะต้องเคลื่อนออกสู่ด้านนอก ระยะทางนั้นเสมอกันจุดศูนย์กลาง พวกเราอยู่แค่ปากประตูของอายตนะภายในนี่เอง ทว่าโดยปกติวิสัยแล้ว ความต้องการทางกายก็คือให้จิตสำนึกไหลออกสู่ด้านนอก โดยธรรมชาติ เราต้องการอาหารน้ำดื่ม บ้านสำหรับอาศัย สิ่งเหล่านี้คือความต้องการทางกายของเธอ และสิ่งเรานั้นก็พบได้ในโลกียภูมิเท่านั้น ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้วจิตสำนึกย่อมไหลเคลื่อนผ่านอายตนะมาสู่โลกียภูมิเว้นแต่เธอจะสรรค์สร้างความต้องการที่อาจเติมเต็มได้เฉพาะในยามที่เธอมุ่งเข้าสู่ด้านในเท่านั้น หาไม่แล้ว เธอจะไม่มีวันมุ่งเข้าสู่ด้านในเป็นอันขาด

พลังงานไม่มีวันเคลื่อนตัวเด็ดขาดเว้นแต่จะมีความจำเป็นใดๆ การที่เราโลดแล่นออกสู่ด้านนอกนั้นมิใช่เพราะเราเป็นคนบาป เราโลดแล่นออกสู่ด้านนอกเพราะเรามีความปรารถนาซึ่งตอบสนองได้ด้วยวัตถุเท่านั้น วัตถุซึ่งสามารถจะไขว่คว้ามาได้ หากเราโลดแล่นไปในโลกของวัตถุได้

เพราะเหตุใดเธอจึงไม่มุ่งเข้าสู่ด้านใน นั่นเพราะเธอไม่ได้สร้างความปรารถนาที่จะมุ่งเข้าสู่ด้านในนั่นเอง

เมื่อใดที่มีความปรารถนาเกิดขึ้น การมุ่งสู่ด้านในย่อมเป็นที่เรื่องง่ายพอๆกับการเคลื่อนออกสู่ด้านนอก ความปรารถนาดังกล่าวนั้นเกี่ยวพันกับศาสนธรรมอย่างแนบแน่น เธอไม่อาจเกิดศรัทธาในศาสนาได้ หากไร้ซึ่งความปรารถนาดังกล่าว ความปรารถนาเช่นว่านั้นถูกสร้างขึ้นอย่างไร

ด้วยกระบวนการใดหนอเราจึงตระหนักรู้ถึงความปรารถนาอันลึกล้ำซึ่งช่วยให้เธอมุ่งเข้าสู่ด้านใน
สามสิ่งที่ ทำให้เรา ปรารถนาที่จะย้อนกลับไปสู่ด้านใน

สิ่งแรกก็คือความตาย หากเธอไม่ตระหนักถึงความตายแล้ว ศาสนธรรมย่อมเป็นเรื่องไร้ค่าสำหรับเธอ นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมสัตว์เดรัจฉานถึงไม่มีศาสนา พวกมันไม่อาจสำนึกถึงความตายได้
พวกมันนึกภาพความตายไม่ออก พวกมันไม่เห็น ความตายที่จะมาถึงในภายภาคหน้า

เธอก็เช่นกัน หากคิดว่าความตายเป็นสิ่งที่ปรากฏแก่ผู้อื่นเท่านั้น ก็เท่ากับว่าเธอยังคงนึกคิดแบบสัตว์อยู่ หากเธอไม่ตระหนักถึงความตายแล้ว เธอก็ยังไม่ถึงความเป็นมนุษย์
นั่นคือข้อแตกต่างสำคัญระหว่างเดรัจฉานกับมนุษย์ มีเพียงมนุษย์เท่านั้นที่ทำได้ ในการสร้างความปรารถนาที่จะมุ่งเข้าสู่ด้านไหน สำหรับมนุษย์มันคือ การตระหนักรู้ถึงความตาย
ถึงข้อเท็จจริงที่ว่าความตายกำลังใกล้เข้ามาทุกขณะ และเธอต้องเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับมัน เฝ้ามองและเพ่งพิจารณาอย่างแยบคาย แต่จงอย่ากลัว อย่าหลีกหนีความจริง มันดำรงอยู่ที่นั่น เธอหลบเลี่ยงมันไปไม่พ้น ในชีวิตนั้นเธออาจจะยากจนหรือมั่งมี แต่ความตายคือความเสมอภาคอันยิ่งใหญ่ อาหารคือความจำเป็นพื้นฐานสำหรับร่างกาย แต่ว่าไม่ใช่สำหรับชีวิต เพราะถึงแม้เธอจะมีอาหาร มีบ้าน ความตายก็ย่อมอุบัติขึ้น ไม่มีอะไรปกป้องเธอให้รอดพ้นจากความตายได้ เป็นเพียงการยืดเวลาออกไป ความตายอาจบังเกิดขึ้นได้ในขณะถัดมาเพียง 1 นาทีหรืออีก 30 ปีข้างหน้า แต่ทว่า จิตใจจะไม่เชื่อในสิ่งนี้ ถ้าพูดเรื่องนี้จิตใจเธอจะแย้งว่าไม่จริงหรอก ขณะถัดมานี่นะ จะเป็นไปได้อย่างไรมันยังอยู่อีกไกล นั่นคือจิตไปหลอกล่อให้เธอประวิงเวลาออกไป เธอจะไม่สามารถเพ่งพิจารณาได้ มันต้องอยู่ใกล้ชิด จนกระทั่งเธอสามารถเพ่งพิจารณาได้ จงโยงมันมาให้ใกล้ตัวเพื่อให้เธออย่างทะลุเข้าไป ความต้องการแบบใหม่จะถูกสรรค์สร้างขึ้นมา
ประการที่สอง เธอมุ่งแต่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่หยุดยั้ง

เธอเฝ้ารังสรรค์เจตจำนงและความมุ่งหมายเทียมๆ สำหรับชั่วขณะนี้ยังไม่ขาดสาย

เธอไม่เคยคิดพิจารณาชีวิตของเธอ อย่างเป็นองค์รวมไม่ว่ามันจะมีความหมายใดๆ หรือไม่ก็ตาม

เธอเอาแต่สร้างสรรค์ความหมายใหม่ๆแล้วพ่วงทะยานไปพร้อมกับความหมายเหล่านั้น

นั่นคือเหตุผลว่าทำไมคนจนจึงใช้ชีวิตอย่างมีความหมายยิ่งกว่าคนรวย

เพราะคนจนนั้นยังมีสิ่งต่างๆอีกมากมายที่จะต้องไขว่คว้า นั่นก่อให้เกิดความหมายแก่ชีวิตของเขาหากเธอมีสถานะมั่นคง เธอมีพร้อมทุกอย่างที่จะดลบันดาลได้ โลกนี้ก็ไม่อาจนำเสนอสิ่งใดให้แก่เธออีก เมื่อนั้นชีวิตของเธอย่อมปราศจากความหมาย บัดนี้เธอไม่อาจสร้างสรรค์ความหมายใดๆสำหรับชั่วขณะนี้หรือวันเวลานี้เพื่อช่วยให้เธอมีชีวิตอยู่

นั่นคือเหตุผลว่าทำไมสังคมยิ่งถ้ามีความมั่งคั่งทางวัฒนธรรมมากเท่าไหร่ก็ยิ่งสัมผัสความเคว้งคว้างไร้จุดหมายมากขึ้นเท่านั้น สังคมที่แร้นแค้นนั้นไม่เคยรู้สึกถึงเคว้งคว้างไร้จุดหมายเช่นนี้เลย คนจนนั้นสาละวนอยู่กับการมีบ้านสักหลัง เขาจะตรากตรำทำงานอย่างหนักอยู่นาน ชีวิตของเขามีความหมาย มีวัตถุบางอย่างที่ต้องบรรลุให้ถึงจงได้ เมื่อเขาได้สมใจแล้วจะมีความสุขอยู่สี่ห้าวัน หลังจากนั้นก็จะมีภาพบ้านหลังอื่นๆ ขนาดใหญ่กว่าเดิมผุดมาในห้วงคิด ฉะนั้นเค้าจะก้าวทะยานไปข้างหน้า หยิบโน่นทำนี่ไม่หยุดหย่อน

ไม่เคยใคร่ครสญาติอามถึงชีวิตของตนอย่างเป็นองค์รวม ไม่ว่ามันจะมีความหมายใดๆหรือไม่ก็ตาม เขาไม่เคย ที่จะมองชีวิตอย่างเป็นเอกภาพ

ลองจินตนาการว่าถ้าเธอมีทุกอย่างพร้อมสรรพ ความฝันทั้งหมดล้วนสมปรารถนาแล้วยังไงล่ะ

ลองวาดภาพดูสิว่า สิ่งใดก็ตามที่เธอปรารถนาล้วนมีอยู่ที่นั่นอย่างครบครันแล้วยังไงต่อ

ฉับพลันทันใดนั่นเอง.จุดมุ่งหมายก็อันตรธานหายไป เธอกำลังอยู่บนปากเหวไม่อาจทำสิ่งใดได้

แม้ว่าเธอจะไขว้คว้าโลกไว้ได้ทั้งใบ ก็แล้วยังไงล่ะ มีอะไรหรือที่สัมฤทธิ์ผลสมดังปรารถนา

ดังนั้นจงพึงระลึกไว้อยู่เสมอ ก็คือ สิ่งใดก็ตามที่เธอกระทำ สิ่งใดก็ตามเธอวันบรรลุผลดังมุ่งหมาย จงอย่าลืมตั้งคำถามว่า หากฉันประสบความสำเร็จแล้วยังไงล่ะ
โดยรวมแล้วมันมีความหมายอันใดหรือไม่

หรือเป็นเพียง มุ่งหมายกำมะลอบางอย่าง ที่เธอตั้งไว้เพียงเพื่อจะแบ่งแยกและเสกสร้างมายาภาพขึ้นในตัวเธอ เพื่อให้เธอรู้สึกว่ากำลังกระทำบางอย่างที่คุ้มค่า

ทั้งที่ตลอดเวลานั้น เธอใช้ชีวิตอย่างไม่รู้คุณค่า และเปลืองพลังงานโดยใช่เหตุ ไม่ได้กระทำสิ่งใดที่คุ้มค่า มีเพียงสิ่งเดียวที่คุ้มค่านั่น ก็คือหากเธอเป็นสุขได้โดยไร้ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่าง ปราศจากการพึ่งพาใดใด หากเธอรื่นรมย์ได้โดยลำพังตัวคนเดียว หากไม่ต้องมีสิ่งใดมาสนองความรื่นรมย์ของเธอเมื่อนั้นแหละ เธอจึงจะสุขสำราญใจได้อย่างเต็มที่ หาไม่แล้วเธอจะจมอยู่ในความปวดร้าวทุกข์ระทมอยู่เสมอ การพึ่งพิงนั้นคือความระทมทุกข์ และบรรดาผู้ที่ต้องพึ่งพิงทรัพย์สินเงินทอง พึ่งพิงการสั่งสมวิชาความรู้ หรือขึ้นอยู่กับ สิ่งนั้นสิ่งนี้ คนเหล่านี้กำลังช่วยให้ความทุกข์องตน พอกทวี
ฉะนั้นจึงจดจำไว้ว่า จงถามว่าเธอมีจุดมุ่งหมายอันใดหรือไม่ หรือเธอเพียงแต่ล่องลอยไปตามยถากรรมโดยปราศจากจุดมุ่งหมายใดๆ เธอเพียงแต่เข้าใจไปเองหรือเปล่าว่าสิ่งนั้น หรือสิ่งนี้คือความหมายของชีวิตเธอ

ประการที่สาม จงเรียนรู้ ไม่ว่าเธอจะทำการสิ่งใดก็ตามที่จงเรียนรู้จากมัน

คนเรานั้นมีนิสัยขี้หลงขี้ลืมแก้ไม่หาย เธอเฝ้าหลงลืมสิ่งที่ต่างๆอยู่ร่ำไป เมื่อวานนี้เธอโกรธจนควันออกหู แล้วก็สำนึกผิด บัดนี้เธอลืมเลือนไปหมดแล้ว และหากมีปัจจัยเดิมมากระตุ้น โทสะในตัวเธอก็จะลุกโพลงขึ้นอีก เหตุการณ์เช่นนี้ดำเนินไปชั่วอายุขัยของเธอก็ว่าได้ เธอเฝ้าย้ำทำในสิ่งเดิมๆไม่จบสิ้น กล่าวกันว่าเป็นเรื่องผิดธรรมดาอย่างยิ่งที่จะได้พบบุคคลที่เรียนรู้จากชีวิต ที่จริงแล้วไม่มีใครเลยที่เรียนรู้ หากว่าเธอเรียนรู้เธอยังไม่ย่อมไม่กระทำผิดพลาดจุดเดิมถึงสองครั้ง ทว่าเธอเฝ้าแต่กระทำผิดพลาดในสิ่งเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า ยิ่งผิดพลาดมากเท่าไหร่. เธอก็ยิ่งมีแนวโน้มที่จะทำผิดมากขึ้นโดยเธอหาได้เรียนรู้สิ่งใดไม่

จงคัดเอาเฉพาะส่วนที่เป็นแก่นสารล้วนๆ ลองย้อนกลับไปดูว่าที่ผ่านมาเธอทำอะไรลงไปบ้างกับชีวิตกับพลังงาน และวันเวลาของเธอ มันคือความผิดพลาดความโง่เขาเบาปัญญา ไร้วิจารณญาณดุจเดิมที่มันเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ด้วยเหตุนี้ เธอจึงมีชีวิตวนเวียนอยู่ท่ามกลางกงล้อ อย่างไรก็ตามคงไม่สมควรจะกล่าวว่าเธอเป็นผู้เคลื่อนกงล้อ ตรงกันข้าม เป็นกงล้อต่างหากที่เคลื่อนตัวเธอ เธอมุ่งหน้าไปอย่างต่อเนื่องเสมือนจักรกล ด้วยเหตุนี้เราจึงเรียกโลก ที่เป็นอยู่นี้ว่า “ สังสาร “ หมายถึงกงล้อที่หมุนเวียนไม่หยุดยั้งโดยมีเธอเกาะกุมซี่ล้อใดซี่หนึ่งไว้อย่างเหนียวแน่นและเคลื่อนตามไปไม่หยุดยั้ง
หากเธอไม่เรียนรู้บางอย่างเกี่ยวกับมันแล้ว เธอจะไม่คลายมือที่ยึดกุมซี่ล้อแล้วกระโจนออกมาเป็นอันขาด ฉะนั้น กุญแจหลักจึงมีอยู่ด้วยกันสามคำคือ
“ความตาย “ จงหมั่นพิจารณาอยู่เนืองๆไม่ให้ขาด

“ความหมาย” จงเสาะแสวงหาสิ่งนี้เรื่อยไปในชีวิตอย่าหยุดยั้ง

“เรียนรู้” จงเรียนรู้จากชีวิตของเธอ เพราะไม่มีการเรียนรู้อย่างอื่นอีก แล้วคัมภีร์ต่างๆนั้นไม่อาจให้อะไรเธอได้

หากชีวิตของเธอไม่สามารถให้อะไรบางอย่างแค่เธอได้ ก็ไม่มีอะไรอีกแล้วที่จะให้เธอได้ในสิ่งนี้ จงเรียนรู้จากชีวิตของเธอเอง จงสรุปความจากมัน ว่าเธอทำอะไรลงไปกับตัวเธอเองบ้างตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา หากเธอติดข้องอยู่ในกรงล้อ จงกระโจนออกมาเสีย ทว่าการจะรู้ล่วงว่าเธอติดอยู่ในกงล้อ เธอจะต้องหยั่งลึกลงสู่ความเข้าใจและการเรียนรู้ ทั้งสามสิ่งนี้จะช่วยให้เธอวกกลับเข้ามาภายใน

นี้คือ อุบายวิธี ” เพียงหยั่งมองไปในเวิ้งนภา สีครามเหนือหมู่เมฆจะเกิดความสงบรำงับ"

นี่เป็นอุบายวิธีที่ง่ายมาก เธออาจจะทำมันโดยไม่มีผลสำเร็จใดๆ แล้วเธอจะอุทานว่านี่มันอุบายวิธีไหนกันเนี่ย

“ความตาย,ความหมายและการเรียนรู้” อุบายวิธีนี้จะช่วยดึงเธอให้วกกลับเข้าสู่ด้านในอย่างฉับพลัน “ หยั่งมองไปในเวิ้งนภาสีครามเหนือหมู่เมฆ “ แค่มองดูเฉยๆ ไม่ใช่คุณครุ่นคิด เวิ้งฟ้านั้นกว้างใหญ่ไพศาลไรที่สิ้นสุด เพียงหยั่งมองเข้าไปเท่านั้นก็พอ ในเวิ้งฟ้านั้นปราศจากวัตถุที่เป็นตัวตน ด้วยเหตุนี้ เราจึงเลือกใช้มัน

จงหยั่งมองไปยังเวิ้งนภาสีคราม เพ่งมองไปเรื่อยๆ อย่าหยุดยั้ง เป้าหมายนั้นกว้างใหญ่เหลือคณาหาจุดสิ้นสุดมิได้ จงอย่าครุ่นคิดหรือโพล่งออกมาว่ามันงดงาม อย่าได้รำพันว่า “ช่างวิจิตรตระการตาอะไรเช่นนั้น” ไม่ต้องชื่นชมในสีสันหรือเริ่มคิดเป็นคุ้งเป็นแคว หากเธอเริ่มคิดเธอก็จะชะงักงันนัยน์ตาเธอในขณะนี้มิได้หยั่งตรงสู่เมืองฟ้าสีครามอะไรที่สิ้นสุดอีกต่อไป เพียงมองตรงเข้าไปเฉยๆไม่ต้องครุ่นคิด จงอย่าสร้างคำพูดขึ้นมา เพราะมันจะกลายเป็นปราการกีดขวาง

ไม่ต้องบรรยายเป็นคำพูด มีเพียงการหยั่งมองบนฟ้าสีครามยังใสซื่อไร้เจตนาปรุงแต่งเท่านั้น

เวิ้งฟ้านั้นไม่มีจุดสุดสิ้น เธอจะหยั่งลึกเข้าไปเรื่อยๆอย่างไม่หยุดยั้งและฉับพลันทันใดนั้น เพราะเหตุว่าตรงบริเวณนั้นไร้ซึ่งวัตถุ มีเพียงสภาพอันเวิ้งว้างในฉับพลันทันใดนั้น เธอจะตระหนักรู้ถึงตัวเธอเอง เพราะเหตุใดหรือ นั่นเพราะหากมีสภาพเวิ้งว้างใดๆ ปรากฏอยู่ ประสาทสัมผัสของเธอยอมใช้การไม่ได้ ประสาทสัมผัสจะใช้การได้ก็ต่อเมื่อมีวัตถุดำรงอยู่เท่านั้น
คำว่า”เวิ้งนภา “ หมายถึงที่ว่าง วัตถุทั้งมวลล้วนดำรงอยู่ท่ามกลางเวิ้งฟ้า ทว่าวิ้งฟ้าหาใช่วัตถุไม่เป็นเพียงสภาพเวิ้งว้างหรือที่ว่างซึ่งวัตถุต่างๆ สามารถดำรงอยู่ได้เท่านั้น เวิ้งฟ้าด้วยตัวมันเองเป็นเพียงความว่างอันบริสุทธิ์ จงมองความว่างบริสุทธินี้ หรือ สุญญตภาวะ

ในสุญญตาภาวะนั้น ปราศจากวัตถุให้ประสาทสัมผัสได้เกาะกุม หรืออิงแอบ ประสาทสัมผัสทั้งหมดสิ้นคุณประโยชน์ อนึ่งหากเธอหยั่งมองไปในเวิ้งนภาสีครามด้วยปราศจากการครุ่นคิด ในบัดดล เธอจะรู้สึกว่าจู่ๆทุกสรรพสิ่งก็สลายวับไปกับตา ไม่หลงเหลืออะไรอยู่เลย ในห้วงแห่งการอันตรธานดังกล่าว เธอจะตระหนักรู้ถึงตัวเธอเอง เพียงหยั่งมองไปในความเวิ้งว้างว่างเปล่าที่ว่านี้เธอก็จะบังเกิดจิตว่าง

สาเหตุคือนัยน์ตาเธอนั้นเสมือนกระจกเงาคอยสะท้อนสิ่งใดก็ตามที่อยู่เบื้องหน้ามัน

ข้าพเจ้าเห็นเธอสุขเศร้าเสียใจ แล้วข้าพเจ้าก็พลอยรู้สึกสลดไปด้วยไม่รู้ตัว เธอเป็นอย่างเช่นนั้น

ไม่ว่าสิ่งใดที่เธอล้วนชำแรกลึกลงสู่ตัวเธอทั้งสิ้นมันกลายมาเป็นส่วนหนึ่งในจิตสำนึกของเธอ

หากเธอหยั่งมองไปในความเวิ้งว้างว่างเปล่าตรงนั้น ไม่มีสิ่งใดให้ส่องสะท้อน หากมันสะท้อนเข้ามา หากเธอสัมผัสถึงเวิ้งนภาสีครามอันไพศาลภายในจิตใจ เธอจะเกิดความสงบระงับ เธอจะค้นพบความปลอดโปร่งสงบเย็น มันดำรงอยู่ที่นั่น และหากเธอสัมผัสจินตนาการไปถึงความว่างเปล่าจริงๆที่ซึ่งเวิ้งฟ้าสีครามสด และทุกสิ่งทุกอย่างล้วนอันตรธานไป โดยตรึงอยู่กับเฉพาะความว่างเปล่าจริงๆ ความว่างเปล่าก็จะสะท้อนเข้าสู่ด้านไหนเช่นเดียวกัน และในห้วงเห็นความว่างเปล่านั้น

เธอจะเกิดความกลัดกลุ้มกังวล ตึงเครียดได้อย่างไร

ในสุญตาภาวะ จิตใจยังจะปฎิบัติหน้าที่ได้ฉันใดเล่า มันจะสะดุดหยุดยั้งและอันตรธานไป ในการอันตธานของจิตใจนั้น จิตที่เคร่งเครียดเป็นทุกข์ และเปี่ยมด้วยความรู้สึกนึกคิดที่ฟุ้งซ่าน จะกลับกลายเป็น”ความสงบรำงับ”. ในห้วงแห่งการอันตธานของจิตที่ว่านั้น

ความว่างเปล่าหากถูกสะท้อนเข้ามาแล้วจะกลับกลายเป็นความไม่ปรารถนาสิ่งใด

ความปรารถนาคือความเคร่งเครียดกังวลใจ เธอตั้งความปรารถนาแล้วจิตใจก็เป็นทุกข์

ยามใดที่ความปรารถนาดำรงอยู่ที่นั่น เธอจะเกิดอาการทุกข์ร้อนกระสับกระส่าย จิตกระเจิดกระเจิงไม่มีชิ้นดี พร้อมเริ่มวางแผน ความใฝ่ฝัน โครงการต่างๆ แล้วเธอก็สติแตก ความปรารถนานั้นคือเมล็ดพันธุ์ของความวิปลาส

ทว่าความว่างเปล่านั้นหาใช่วัตถุไม่ มันเป็นเพียงความว่างเปล่าเท่านั้น

เมื่อเธอมองดูความว่างเปล่า จะไม่มีความปรารถนาผุดขึ้น เลยมันไม่อาจผุดขึ้นมาได้

เธอไม่ปรารถนาจะครอบครองความว่างเปล่า เธอไม่อยากเสน่หาความว่างเปล่า เธอไม่ต้องการสร้างวิมานจากมัน เธอไม่อาจทำอะไรกับมันได้ การเคลื่อนไหวทั้งหมดของจิตใจล้วนหยุดชะงักลงเพราะเหตุไม่มีความปรารถนาผุดขึ้น ผลที่ตามมาก็คือ “ความสงบรำงับ”เธอจะเกิดความสงบนิ่งเยือกเย็นสันติสุขจะปะทุขึ้นมาในตัวเธอยังฉับพลัน เธอได้กลายเป็นเสมือนเวิ้งฟ้า
ไม่ว่าเธอจะเพ่งพินิจสิ่งใดก็ตามแต่ เธอจะกลับกลายเป็นเหมือนสิ่งนั้น เธอกลับกายเป็นเช่นนั้นเพราะเหตุว่า จิตสามารถกลายเป็นรูปได้ไม่จำกัด สิ่งใดก็ตามที่เธอปรารถนา จิตเธอจะยึดรูปแบบของมันเอาไว้และเธอจะกลับกลายเป็นสิ่งนั้น

บุคคลที่เอาแต่เสาะแสวงหาความมั่งคั่งไล่ล่าเงินทอง จิตของเค้าจะกลายเป็นเพียงขุมสมบัติเท่านั้น ฉะนั้นจะสำรวมสติกับสิ่งที่เธอปรารถนา เพราะเธอจะกลับกลายเป็นสิ่งนั้น
เวิ้งฟ้าคือสิ่งที่ว่างเปล่าเป็นที่สุด มันอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากตัวเธอ จงจ้องมองมันและชำแรกเข้าสู่มันและที่สำคัญการจ้องมอง จะต้องเป็นไปด้วยกันปราศจากการครุ่นคิด จงจำไว้ให้ดี เมื่อนั้นเธอจะรู้สึกถึงเวิ้งฟ้า ถึงมิติ ถึงช่องว่าง ความสดคราม และความว่างเปล่าแบบเดียวกันภายในจิตใจ

นั่นคือเหตุผลที่พระศิวะตรัสว่า”เพียง “เพียงหยั่งมองไปในเวิ้งนภาสีครามเหนือหมู่เมฆ จะบังเกิดความสงบรำงับ

โปรดติดตาม พระสูตรต่อไป ที่นี่
คัมภีร์แห่งความเร้นลับ เล่ม 2
The book of the secrets
( หน้า 120-141 )
Sabaidee Journey Quote No.6
#sabaideejourneyquote

สนใจข้อมูลเพิ่มเติมติดตามที่
Facebook Group : Sabaidee Spiritual
.
https://web.facebook.com/groups/496920240982782/
.
ติดตามเราได้ตามช่องทางต่างๆ
Website : http://sabaideesuccess.com/
Youtube Chanel : https://www.youtube.com/channel/UCJvjDwHutZkoTTeR-6XG7xw
Facebook Fanpage : fb.me/SabaideeSuccess
#sabaideejourneyquote