“จงเพ่งมองวัตถุบางอย่าง แล้วประจงเลื่อนจักษุวิสัยออกมาอย่างช้าๆ จากนั้นค่อยๆ เพิกถอนความคิดของเธอจากสิ่งนี้ ครั้นแล้ว”
จงเพ่งมองวัตถุบางอย่าง เพ่งมองดอกไม้สักดอก แต่พึ่งสำเหนียกไว้ว่าการมองนั้นหมายถึงอะไรมองดูเฉยๆ ไม่ต้องครุ่นคิด พึ่งระลึกไว้เสมอว่าคำว่า” มอง” หมายถึงมองดูเฉยๆ ไม่ต้องครุ่นคิดหากเธอครุ่นคิดขึ้นมาล่ะก็ นั่นหาใช่การมองไม่ ที่สำคัญคือเธอได้ทำให้ทุกๆสิ่งแปดมลทินเสียแล้วมันจะต้องเป็นการมองอันบริสุทธิ์ เป็นการมองยังเปิดเผยตรงไปตรงมา
จงเพ่งมองวัตถุบางอย่าง เพ่งมองดอกไม้สักดอก เอาเป็นกุหลาบก็ได้ แล้วค่อยๆเลื่อนสายตาออกจากมันอย่างช้าๆเนิบช้าอย่างยิ่ง ดอกไม้อยู่ตรงหน้าแหละ เริ่มแรก จงเพ่งมองมัน ทิ้งความคิดคำนึงให้หมดสิ้นแล้วเฝ้ามองไปเรื่อยๆ เมื่อใดเธอรู้สึกว่าบัดนี้ไม่มีความคิดหลงเหลืออีกแล้ว มีเพียงดอกไม้อยู่ในจิตใจเท่านั้น ไม่มีอะไรอื่น
ถึงตอนนี้ให้ค่อยๆ ขยับนัยน์ตาเธอให้พ้นไปทีละน้อยในไม่ช้า ภาพของดอกไม้ก็จะค่อยๆ ถอยห่างไปจนหลุดหายจากจุดเพ่งในที่สุด แต่ทว่าภาพนิมิตจะยังคงตกค้างอยู่กับเธอ วัตถุจะหลุดหายไปจุดเพ่ง เพราะเธอได้มองเบี่ยงออกไปเสียแล้ว ภาพลักษณ์ของดอกไม้ภายนอกจะไม่คงอยู่ที่นั่นอีกต่อไป ทว่าว่ามันจะถูกส่องสะท้อนอยู่ในบานกระจกแห่งจิตสำนึกของเธอ มันจะคงอยู่ ณ จุดนั้นให้บรรจงเลื่อนสายตาออกจากมันอย่างช้าๆ จากนั้นจงค่อยๆเพิกถอนความรู้สึกนึกคิดจากมัน
ฉะนั้น เบื้องแรก จงเลื่อนนัยน์ตาออกจากวัตถุภายนอก เมื่อนั้นสิ่งที่เหลืออยู่จะมีเพียงภาพนิมิตภายในหรือความคิดคำนึงเกี่ยวกับดอกกุหลาบเท่านั้น ตอนนี้ ให้เพิกถอนความคิดคำนึงดังกล่าวออกไปด้วยส่วนที่สองนี้ จะยากลำบากมากทีเดียว แต่หากทำส่วนแรกได้ตรงตามที่กล่าวไว้ไม่ผิดเพี้ยน มันย่อมไม่ใช่เรื่องเหลือบ่ากว่าแรงอะไรนัก
เริ่มแรกให้ถอนจิตหรือจักษุวิสัยของเธอออกจากวัตถุเสียก่อน จากนั้น หลับตาลงให้สนิท แล้วถ่ายถอนตัวเธอเองจากภาพนิมิตในทำนองเดียวกับที่เธอเลื่อนจักษุวิสัยออกพ้นวัตถุ จงถอนตัวเธอเองออกมาและวางใจเป็นกลาง ไม่ต้องเพ่งมองมันที่ด้านใน ให้เพียงแค่รู้สึกว่าเธอได้จากมันไปแล้วในไม่ช้าภาพนิมิตก็จะอันตรธานไปเช่นเดียวกัน
ในเบื้องแรก วัตถุจะเลือนหายไป จากนั้น ภาพนิมิตจึงค่อยอันตรธานไป และเมื่อใดที่ภาพนิมิตนั้นได้อันตรธานไป พระศิวะได้ตรัสไว้ว่า “ครั้นแล้ว” ครั้นแล้ว เธอจะถูกทอดทิ้งไว้เพียงลำพัง ในห้วงแห่งความโดดเดี่ยวเปลี่ยวเหงาที่ว่านี้ เราจะเกิดสำนึกรู้ถึงตัวเราเอง เราจะมายังจุดศูนย์กลาง เราจะถูกเหวี่ยงซัดเข้าสู่ต้นกำเนิดเดิม
นี่เป็นภาวนาวิธีชั้นยอดทีเดียว เธอเองก็ทำได้ ลองเลือกเอาวัตถุชนิดใดก็ได้ แต่ขอให้เป็นวัตถุชิ้นเดิมทุกวัน เพื่อที่ว่าภาพนิมิตเดิมๆจะถูกสร้างขึ้นมาภายในจิตใจ ให้เธอได้ถ่ายถอนตัวเธอเองจากภาพนิมิตเดิมๆนั้น บรรดารูปปั้นต่างๆตามวัดวาอารามก็เคยถูกใช้เป็นอุปกรณ์สำหรับอุบายวิธีนี้รูปปั้นต่างๆ ยังคงอยู่แต่อุบายวิธีนี้ที่สูญสิ้นไป นี่คืออุบายวิธีที่ใช้ต้อง ใช้เวลาเข้าวัด
จงเพ่งมองรูปปฏิมาของพระพุทธองค์. พระรามหรือพระกฤษณะ หรือรูปเคารพใดก็ได้ จงเพ่งมองรูปปฏิมาแล้วสำรวมใจจดจ่อกับรูปนั้น ให้จิตทั้งดวงตั้งมั่นเพื่อให้ลูกปฏิมานั้น กลับกลายเป็นภาพนิมิตภายในจิตใจ จากนั้นหลับตาลงให้สนิท ครั้นแล้ว ให้เพิกถอนภาพนิมิตออกเสีย ชำระล้างมันให้หมดสิ้น เมื่อนั้นแหละ เธอจะคงอยู่ในความเปล่าเปลี่ยวอ้างว้าง ในความบริสุทธิ์ไร้จริตมารยาในจุดนั้นของเธออย่างเต็มตัว โดยประจักษ์แจ้งแก่ใจว่านั่นคืออิสรภาพ นั่นคือสัจธรรม
โปรดติดตาม พระสูตรต่อไป ที่นี่
คัมภีร์แห่งความเร้นลับ 2
The book of the secrets
( หน้า 149-151)
#sabaideejourneyquote